กว่าจะได้แชมป์นั้นยาก แต่การป้องกันแชมป์ยากยิ่งกว่า!!!
ประโยคนี้คงจะใช้กับทัพนักตบสาวไทยที่ยืนแท่นเป็น "แชมป์ซีเกมส์" มานานถึง 8 สมัย ไม่ได้!!!
จาก ซีเกมส์ครั้งที่ 18 ที่จัดขึ้น ณ จังหวัดเชียงใหม่ปี 2538 ที่ "นักตบสาวไทย" ผงาดคว้าแชมป์มาครองและวันนั้น จนถึงวันนี้ ยังไม่มีชาติใดโค่นสาวไทยลงได้เลย แม้ผู้เล่นจะเปลี่ยนจากรุ่นสู่รุ่น แต่ฟอร์มความเก่งยังคงอยู่กับนักตบสาวไทย มิเปลี่ยนแปลง!!!
โดย เฉพาะ "นักตบสาว" ชุดปัจจุบันที่โค่น "สาวมังกร" ผงาดแชมป์เอเชียในปี 2009 มาครองเป็นครั้งแรก ถือเป็นชุดที่เก่งและแกร่งที่สุดเท่าที่ไทยเคยมีมา!!!
จากแชมป์เอเชีย สู่ แชมป์ซีเกมส์สมัยที่ 9 จึงมิใช่เรื่องยาก !!!
เกม ในนัดชิงชนะเลิศ ระหว่างไทย กับเวียดนาม ได้เริ่มขึ้นท่ามกลางเสียงเชียร์ของทั้งสองชาติ แต่จะหนักไปทาง "สาวเหงียน" มากกว่าสาวไทย เพราะแม้แต่คนลาวเองก็ยังเทใจให้กับเวียดนามตะโกนเชียร์กันสนั่นหวั่น
เสียงเชียร์มิได้สร้างความกดดันให้กับแชมป์ 8 สมัยเพราะเคยผ่านเกมที่หนักและกดดันกว่านี้มาอย่างโชกโชน!!!
แต่...นักตบสาวไทยกลับกดดันตัวเอง เพราะหวังและตั้งใจที่จะเอาแชมป์สมัยที่ 9 มาให้คนไทยทุกคน!!!
เกม เซตแรกจึงพ่ายให้กับ "สาวเหงียน" ที่เล่นได้ดีเกินคาดโดยเฉพาะเกมรับที่เหนียวแน่นยิ่งกว่าตีนตุ๊กแกไม่ว่าไทย จะรุกรูปแบบไหนเวียดนามรับได้และโต้กลับมาเกือบทุกลูกเพราะเวียดนามเล่น "ทีมเวิร์ก" ดีมาก ใน
ตรงกับข้ามกับทีมไทย ที่เล่น "ทีมเวิร์ก" ไม่ได้เลย ทุกแต้มที่ได้มาล้วนมาจากความสามารถ "ความสามารถเฉพาะตัว" ที่พาทีมไปคว้าแชมป์สมัยที่ 9 ได้สำเร็จ
กีฬาประเภททีม หาก "ทีมเวิร์ก" ไม่ดีโอกาสที่จะเอาชนะนั้นทำได้ยาก แต่สำหรับทีมนักตบสาวไทย ทีมเวิร์กไม่ดี แต่ได้สามารถเเฉพาะตัวของนักกีฬาแต่ละคนช่วยเก็บแต้มสำคัญที่จะเป็นพลิกผัน ของเกม "ชัยชนะ" จึงตกมาอยู่ในมือของสาวไทย
แต่..มันเป็นชัยชนะที่ได้มาไม่ง่าย!!!
" นัดนี้เวียดนามเล่นดีมาก โดยเฉพาะทีมเวิร์กทำเล่นได้ดี ในขณะที่ไทยนั้นเล่นทีมเวิร์กไม่ได้เลย แต่นักกีฬาใช้ความสามารถดเฉพาะมาทำแต้มสำคัญๆ ได้เยอะ นั้นเป็นเพราะเรามีเวลารวมตัวกันน้อย พอจบชิงแชมป์เอเชียตัวหลัก 5 คน คือ อรอุมา สิทธิรักษ์, มลิกา กันทอง, นุศรา ต้อมคำ, วิลาวัณย์ อภิญญาพงษ์ และ ปลื้มจิตร์ ถินขาว ต้องกลับไปเล่นให้กับสโมสรต้นสังกัดของตัวเอง กลับมาอีกทีก็ใกล้แข่งซึ่งไม่มีเวลาในการซ้อมทีม"
"แต่นักกีฬาทุก คนเล่นอย่างตั้งใจเพราะอยากจะเอาชนะให้ได้ จึงพยายามเล่นกันอย่างเต็มที่ ต้องบอกว่าแชมป์ครั้งนี้เป็นชัยชนะที่ได้มาเหนื่อยมากในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาเราเล่นไม่เหนื่อยขนาดนี้ แต่ครั้งนี้นักกีฬาเหนื่อยถือเป็นแชมป์ที่ได้มาไม่ง่าย ต้องยอมรับว่าเวียดนามเล่นอย่างมีสปริตมากอยากจะเอาชนะ ใจเค้านิ่งมาก ฝีมือเค้าพัฒนาขึ้นเยอะมาก และเชื่อว่าซีเกมส์ครั้งนี้มาตรฐานของประเทศต่างๆ จะสูงขึ้นและคงเอาชนะไม่ง่ายอีกแล้ว"
"ส่วนไทยเองก็ไม่คิดว่าจะ ต้องเป็นแชมป์ตลอดกาล กีฬามีแพ้ มีชนะ เราไม่กลัวที่จะเสียแชมป์แต่จะพยายามทุ่มเทให้กับการแข่งขันทุกแมตช์ เพื่อทำผลงานออกมาให้ดีที่สุด และหากเป็นไปได้จะต้องหารือกับผู้บริหารสมาคมฯ เพื่อเจรจากับสโมสรต้นสังกัดของนักกีฬาว่าขอเวลาให้นักกีฬาได้เก็บตัวเพื่อ เตรียมแข่งขันในรายการใหญ่ๆ ให้มากขึ้น เพราะซีเกมส์ครั้งนี้เราได้แต้มจากทีมเวิร์กน้อยมาก แต่เป็นแต้มจากความสามารถเฉพาะตัวของนักกีฬาซึงเกิดจากการไปเล่นลีกอาชีพใน ต่างแดนนี่แหละ"
แชมป์สมัยที่ 9 ของ "นักตบสาวไทย" เกิดจาก "ความสามารถเฉพาะตัว" ของนักกีฬามากกว่า "ทีมเวิร์ก" นั้นคือความจริงที่ "โค้ชอ๊อด" เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร ยอมรับ และถือเป็นความโชคดีของทีมไทย ที่นักกีฬาทั้ง 6 ในสนามล้วนมีความสามารถ "เฉพาะตัว" ในตำแหน่งที่ตัวเองรับผิดชอบทุกคน
แต่... หากเจอคู่แข่งที่เก่งและแกร่ง ความสามารถเฉพาะตัวอย่างเดียวอาจช่วยไม่ได้ เพราะต้องใช้ทีมเวิร์กเข้ามาหนุนด้วย และนั้นเป็นสิ่งที่ "โค้ชอ๊อด" ต้องหาทางออกให้ได้ว่าจะทำอย่างไรให้นักกีฬามารวมตัวกันให้มากกว่านี้ โดยไม่กระทบต่ออาชีพในลีกต่างแดนของพวกเขา เพราะเป้าหมายของ "นักตบสาวไทย" คงมิได้อยู่แค่แชมป์ซีเกมส์ เพราะมาตรฐานของนักกีฬานั้นก้าวผ่านซีเกมส์แต่ต้องมองยาวไปถึง เอเชียนเกมส์แล้ว!!!
ที่มาข่าว http://www.siamsport.co.th/seagames2009/column_detail.asp
วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2552
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น