ขุนพล “ช้างศึก” ไทย ลงประเดิมสนามในศึก เวียงจันทน์ เกมส์ พบกับ เวียดนาม บรรยากาศที่สนามกีฬาแห่งชาติ กม.16 มีแฟนบอลอัดแน่นเกือบ 2 หมื่นคน ส่วนใหญ่เป็นคอบอล เหงียน ที่เดินทางมาด้วยตนเอง หรือทำงานในลาวอยู่แล้ว ส่วนชาวไทย ค่อนข้างบางตา เกมนี้แชมป์เก่า 8 สมัยซ้อน ส่ง 11 ตัวจริงตามที่สื่อมวลชนคาดหมายเอาไว้ก่อนหน้านี้ นำทัพโดยคู่หน้า กีรติ เขียวสมบัติ และ ธีรศิลป์ แดงดา

ผ่านครึ่งทางของครึ่งแรกนาที 25 ไทย ครองบอลน้อยกว่า แต่ได้ลุ้นประตูอีกครั้งจากการปั่นฟรีคิกของ อาทิตย์ บอลฮุกช้าข้ามคานออกหลังไป เวียดนาม ยังคงเข้าบอลหนักตัดเกมและยันนักเตะไทย หนักๆ หลายครั้ง ส่วนกรรมการไม่ทันเกม ยังไม่ยอมควักใบเหลือง ทำให้ สุทธินันท์ พุกหอม ต้องถูกถอดออก และเป็น สุจริต จันทกล ลงมาแทน ครบ 45 นาที ไทย ยังเจาะแนวรับ เวียดนาม ไม่ได้เสมอกันอยู่ 0-0
ไทย มีการเปลี่ยนตัวก่อนออกสตาร์ทครึ่งหลัง สมปอง สอเหลบ มาควานหาสกอร์แทน ธีรศิลป์ จากนั้น กีรติ ได้โอกาสแรกของตัวเองในเกมนี้เมื่อพาบอลตะลุยเข้าไป แต่จังหวะยิงถูกเบียดทำให้บอลเบาไปเข้ามือ บุย ทัน เตรือง เข้าสู่นาที 55 โอกาสของไทย มาอีกครั้งจากลูกเตะมุมทางด้านซ้ายบอลเด้งมาเข้าทาง สมปอง ที่แอบมาอยู่เสาสองฮาล์ฟวอลเลย์ด้วยซ้ายในกรอบ 6 หลาทันที แต่บอลเหินข้ามคานออกไป

หลังจากบดอย่างหนักนาที 73 จากลูกเตะมุมด้านขวา บุย ทัน เตรือง นายทวาร เวียดนาม ตัดบอลพลาดมาตกตรงหน้า กีรติ หอกจากค่าย ทีโอที เอฟซี แปสวนตูมไม่เหลือ ไทย ขึ้นนำ 1-0 แต่ทว่า ไทย กลับผ่อนเครื่องจนถูกกดดันอย่างหนักนาที 89 เวียดนาม มาได้จุดโทษจากจังหวะก้ำกึ่ง สุจริต ไปกดหลังนักเตะ เวียดนาม และเป็น ฮอง ดินห์ ทัง ยิงหลอกหน้าเท้า กวิน พุ่งผิดทางเข้าไป เวียดนาม ตีเสมอ ไทย 1-1 ก่อนจะหมดเวลาไปด้วยสกอร์นี้ นัดหน้า ไทย จะพบ กัมพูชา ในวันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม นี้ ในเวลา 15.00น.
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
ไทย - กวิน ธรรมสัจจานันท์, พลวัฒน์ วังฆะฮาด, สุทธินันท์ พุกหอม, เกียรติประวุฒิ สายแวว, ปิยะชาติ ถามะพันธ์, อดุล หละโสะ, คัพฟ้า บุญมาตุ่น, ภานุวัฒน์ จินตะ, อาทิตย์ สุนทรพิธ, กีรติ เขียวสมบัติ, ธีรศิลป์ แดงดา
เวียดนาม - 1 บุย ทัน เตรือง, 7 เหงียน ไท เยือง, 12 เหงียน คอง มินห์, 13 ไม เทียน ธันห์, 15 ไม ซวน ฮอป, 16 ตัน บินห์ ดอง, 18 ฟาน พัน บินห์, 19 ฟาม พัน เลือง กัปตัน, 22 โว ฮอง ควง, 23 เหงียน ธันห์ ลอง เยียง, 28 ฟาน ธันห์ ฮิง
ที่มาข่าว http://manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9520000146924
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น